การตัดต่อวีดีโอที่สมบูรณ์คงขาดเสียงประกอบไม่ได้ เสียงประกอบเป็นตัวสำคัญ ส่วนมาเสียงจะมาพร้อมกับคลิปวีดีโอ หากเราตองการเสียงที่มีคุณภาพดีขึ้นจะต้องปรับแต่งกันใหม่หรือจะนำเสียงจากแหล่งอื่นๆ เขามาใช้งาน หรือจะนำเสียงจากแหล่งอื่นๆ เข้ามาใช้งาน ดังนั้นเราต้องมาทำความรู้จักกับวิธีจัดการเก็บเสียง เพื่อให้ได้วีดีโอที่สมบูรณ์
1.เพิ่มไฟล์เสียงใหม่เข้ามาใช้ใน Library
ไฟล์เสียงดนตรีในโปรแกรม VideoStudio Editor มีอยู่แล้วจำนวนหนึ่ง ถ้าหากต้องการเพิ่มไฟล์เสียงที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์เข้ามา ก็สามารถทำได้โดยการดึงเข้ามาเก็บไว้ในส่วนของ Library ก่อน
- เพิ่มไฟล์เสียงใหม่เข้ามาใช้ใน Library
- นำเสียงใหม่เข้ามาใช้งานใน Library
2.เพิ่มไฟล์เสียงเข้ามาใช้งานจาก Audio CD
แผ่นซีดีเพลงออดิโอที่ใช้เปิดในรถยนต์หรือใช้เปิดในเครื่องเล่นที่บ้าน การที่เราจะดึงไฟล์เพลงออดิโอออกมาใช้งานนั้นเป็นเรื่องยาก แต่ในโปรแกรม VideoStudio Editor สามารถทำได้โดยการอัดเสียงจากออดิโอเข้ามาในรูปแบบ wav
แผ่นซีดีเพลงออดิโอที่ใช้เปิดในรถยนต์หรือใช้เปิดในเครื่องเล่นที่บ้าน การที่เราจะดึงไฟล์เพลงออดิโอออกมาใช้งานนั้นเป็นเรื่องยาก แต่ในโปรแกรม VideoStudio Editor สามารถทำได้โดยการอัดเสียงจากออดิโอเข้ามาในรูปแบบ wav
- เพิ่มไฟล์เสียงเข้ามาจาก Audio CD
3.อัดเสียงลงในโปรแกรมจากไมโครโฟน
บางครั้งการตัดต่อวีดีโอก็ต้องการเสียงบรรยายสดๆ ลงไปเสริมในงานตัดต่อ เพื่อให้งานตัดต่อวีดีโอมีสีสันเพิ่มขึ้น จะประกอบไปด้วย 3 ขั้นตอน เริ่มจากเตรียมไมโครโฟนอัดเสียงแล้วเซตไมโครโฟนก่อนอัดเสียง สุดท้ายก็เริ่มอัดเสียงกัน
บางครั้งการตัดต่อวีดีโอก็ต้องการเสียงบรรยายสดๆ ลงไปเสริมในงานตัดต่อ เพื่อให้งานตัดต่อวีดีโอมีสีสันเพิ่มขึ้น จะประกอบไปด้วย 3 ขั้นตอน เริ่มจากเตรียมไมโครโฟนอัดเสียงแล้วเซตไมโครโฟนก่อนอัดเสียง สุดท้ายก็เริ่มอัดเสียงกัน
- เตรียมไมโครโฟนอัดเสียง
- ติดตั้งไมโครโฟนเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์
สีชมพู เป็นช่องเสียบไมโครโฟน
สีเขียว เป็นช่องเสียบลำโพงหรือหูฟัง
สีฟ้า เป็นช่องนำสัญญาณเสียงเข้ามาใช้งานในเครื่องคอมพิวเตอร์ เช่น เสียงจากกล้องวีดีโอ
4.เทคนิคการปรับเสียง
เสียงวีดีโอที่ได้มาอาจเป็นเสียงที่ดีในระดับหนึ่ง แต่เราสามารถที่จะปรับแต่งเสียงเพิ่มเติมได้ เช่น การตัดเสียงบางส่วนที่ไม่ต้องการ การกำหนดเสียงบางส่วนให้ค่อยๆ เบาลง หรือค่อยๆ ดังขึ้น และการลดเสียง – เพิ่มเสียง เป็นต้น
1)ตัดต่อเสียงที่ไม่ต้องการ
คลิปเสียงที่ติดมากับคลิปวีดีโอ บางช่วงเราอาจไม่ต้องการเสียงพูด เพราะต้องการใส่สียงเพลงหรือเสียงเพลงประกอบ ดังนั้น เราจึงต้องมาตัดเสียงส่วนที่ไม่ต้องการออก
เสียงวีดีโอที่ได้มาอาจเป็นเสียงที่ดีในระดับหนึ่ง แต่เราสามารถที่จะปรับแต่งเสียงเพิ่มเติมได้ เช่น การตัดเสียงบางส่วนที่ไม่ต้องการ การกำหนดเสียงบางส่วนให้ค่อยๆ เบาลง หรือค่อยๆ ดังขึ้น และการลดเสียง – เพิ่มเสียง เป็นต้น
1)ตัดต่อเสียงที่ไม่ต้องการ
คลิปเสียงที่ติดมากับคลิปวีดีโอ บางช่วงเราอาจไม่ต้องการเสียงพูด เพราะต้องการใส่สียงเพลงหรือเสียงเพลงประกอบ ดังนั้น เราจึงต้องมาตัดเสียงส่วนที่ไม่ต้องการออก
2)ตัดเสียงพูดออกจากคลิปวีดีโอ (Mute)
ให้แบ่งเสียงออกเป็น 2 ส่วนก่อน ซึ่งเสียงส่วนแรกที่แบ่งออกจะเป็นเสียงที่ไม่ต้องการแต่จะนำมาใส่เสียงแบ็คกราวน์หรือเสียงบรรยายแทน
ให้แบ่งเสียงออกเป็น 2 ส่วนก่อน ซึ่งเสียงส่วนแรกที่แบ่งออกจะเป็นเสียงที่ไม่ต้องการแต่จะนำมาใส่เสียงแบ็คกราวน์หรือเสียงบรรยายแทน
3)กำหนด Fade – in/Fade – out
Fade – in คือ การกำหนดให้เสียงค่อยๆ ดังขึ้นในตอนเริ่มต้นที่ละน้อยจนถึงระดับความดังที่ต้องการ เพื่อให้เกิดความนุ่มนวลของเสียงประกอบ เช่น Fade – out คือ การกำหนดให้เสียงในตอนท้ายค่อยๆ เบาลงจนเงียบไป ซึ่งมีการกำหนดไว้ดังนี้
Fade – in คือ การกำหนดให้เสียงค่อยๆ ดังขึ้นในตอนเริ่มต้นที่ละน้อยจนถึงระดับความดังที่ต้องการ เพื่อให้เกิดความนุ่มนวลของเสียงประกอบ เช่น Fade – out คือ การกำหนดให้เสียงในตอนท้ายค่อยๆ เบาลงจนเงียบไป ซึ่งมีการกำหนดไว้ดังนี้
การปรับระดับเสียงด้วย Volume Control คือ การปรับระดับเสียงของคลิปเสียงทั้งคลิปพร้อมๆ กัน ตั้งแต่ต้นจนจบคลิปเสียง
5)ปรับรับเสียงเป็นช่วงๆ ด้วย Audio View
การปรับระดับเสียงบนเส้น Volume rubber banding คือ การปรับระดับเสียงบนเส้นสีแดงคาดกลางเส้นเสียงที่อยู่ในแต่ละคลิปเสียง ซึ่งจะสามารถปรับระดับเสียงได้เฉพาะในโหมด Audio View เท่านั้น การปรับระดับเสียงในเส้น Volume rubber banding จะทำให้เสียงช่วงที่ต้องการเบาลงหรือดังขึ้นเป็นช่วงๆ ได้ตามความต้องการ
การปรับระดับเสียงบนเส้น Volume rubber banding คือ การปรับระดับเสียงบนเส้นสีแดงคาดกลางเส้นเสียงที่อยู่ในแต่ละคลิปเสียง ซึ่งจะสามารถปรับระดับเสียงได้เฉพาะในโหมด Audio View เท่านั้น การปรับระดับเสียงในเส้น Volume rubber banding จะทำให้เสียงช่วงที่ต้องการเบาลงหรือดังขึ้นเป็นช่วงๆ ได้ตามความต้องการ
5.การใช้งาน Audio Mixing Panel
Audio Mixing Panel เป็นเหมือนเครื่อง Mix เสียงที่สามมารถปรับแต่งเสียงได้พร้อมๆ กัน ทุก Track เป็นการปรับระดับเสียง Audio View สามารถปรับเสียงพร้อมๆ กันทั้ง 4 Track หรือจะเลือกปรับเฉพาะ Track ที่ต้องการก็ได้ เช่น ปรับระดับเสียงให้ดังขึ้นเฉพาะ Video Track ก็ให้ปิดการทำงาน Overlay Track, Voice Track และ Music Track เป็นต้น
Audio Mixing Panel เป็นเหมือนเครื่อง Mix เสียงที่สามมารถปรับแต่งเสียงได้พร้อมๆ กัน ทุก Track เป็นการปรับระดับเสียง Audio View สามารถปรับเสียงพร้อมๆ กันทั้ง 4 Track หรือจะเลือกปรับเฉพาะ Track ที่ต้องการก็ได้ เช่น ปรับระดับเสียงให้ดังขึ้นเฉพาะ Video Track ก็ให้ปิดการทำงาน Overlay Track, Voice Track และ Music Track เป็นต้น
- การใช้งาน Audio Mixing Panel
ให้เลือกปรับระดับเสียงเฉพาะ Track ที่ต้องการ ถ้าไม่ต้องการปรับระดับเสียง Track ไหนก็ให้ปิด Track นั้นได้ เมื่อปรับเสร็จก็ให้เปิดทุก Track
6.การใช้งาน Audio Filter
เป็นการแต่งเสียงโดยการใส่ Filter จะสามารถปรับลักษณะของเสียงให้มีลูกเล่นเพิ่มขึ้น เช่น การลบเสียงลบกวนในเสียงหรือการปรับแต่งเสียงให้เหมือนอยู่ในโรงยิม เป็นต้น จะสามารถใช้กับเสียงบรรยายหรือเสียงดนตรีที่อยู่ใน Voice Track และ Music Track เท่านั้น
เป็นการแต่งเสียงโดยการใส่ Filter จะสามารถปรับลักษณะของเสียงให้มีลูกเล่นเพิ่มขึ้น เช่น การลบเสียงลบกวนในเสียงหรือการปรับแต่งเสียงให้เหมือนอยู่ในโรงยิม เป็นต้น จะสามารถใช้กับเสียงบรรยายหรือเสียงดนตรีที่อยู่ใน Voice Track และ Music Track เท่านั้น
- การใช้งาน Audio Filter
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น